ประวัติศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ

ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ      ศาสตร์ของพระราชา

 

“  ยินดีตอนรับสู่ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ ”

                                 ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ   ตั้งอยู่บ้านท่าด่าน  ตำบลหินตั้ง  อำเภอเมือง  จังหวันครนายก   มีเนื้อที่  ๑๔ ไร่   ๒ งาน  ๑๘ ตารางวา        เป็นที่ดินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งให้ซื้อไว้ในปี พ.ศ. ๒๕๓๒   โดยมีรับสั่งในขณะนั้นว่า  อยากมีที่ดินแถวนี้เพราะถึงแม้ว่าจะไม่เจริญก็ตาม  แต่เนื่องจากบริเวณนี้เต็มไปด้วยน้ำตก   และป่าเขาใหญ่   ในอนาคตจะถูกพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว    ถนนหนทาง   ร้านอาหาร  โรงแรม   รีสอร์ท  ตลอดจนสนามกอล์ฟ  จะเข้ามาในพื้นที่ เมื่อเจริญขึ้นนักท่องเที่ยวจะเข้ามากันจำนวนมาก   อาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพธรรมชาติที่เป็นอยู่   จึงอยากมีที่ดินแถวนี้สักผืนหนึ่ง เพื่อใช้เป็นศูนย์แสดงแนวคิดของพระองค์ท่านเกี่ยวกับธรรมชาติ  เพื่อที่นักท่องเที่ยวจะได้เกิดสำนึกรักธรรมชาติ       เมื่อได้เข้ามาที่ศูนย์แห่งนี้เดิมทีซื้อไว้เป็นทุ่งนา   จนปี ๒๕๔๕  อาจารย์สุเมธ   ตันติเวชกุล  ร่วมกับสมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ขันอาสาที่จะมาพัฒนาที่ดินแปลงนี้  โดยขออนุญาตต่อมูลนิธิชัยพัฒนา โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  ได้พระราชทานชื่อโครงการว่า    “  ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ ”  เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม  ๒๕๔๕

                            สมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัยได้วางแผนให้คนที่เข้ามาศึกษาแนวคิดของพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับธรรมชาติได้เข้าใจถึงแนวคิดให้ง่ายจึงได้ แบ่งพื้นที่ออกเป็น ๒ ส่วนใหญ่ๆ คือส่วนที่หนึ่งในรูปแบบของพิพิธภัณฑ์ระบบ แสง  สี  เสียง ซึ่งบรรจุไว้ด้วยเนื้อหาเป็นวีดีทัศน์   ความรู้เรื่องดิน  เรื่องน้ำ  เรื่องป่า   เรื่องคน  เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง  และฝนหลวง  เมื่อออกจากพิพิธภัณฑ์ได้พบเห็น  ส่วนที่สองพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิตได้เห็นพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่าน เริ่มจากภูผาสู่มหานที   โดยจัดพื้นที่ออกเป็น  ภาคเหนือ   ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้

๑.  ภาคเหนือทำเป็นภูเขา  มีน้ำตก  แสดงแนวคิด พระเจ้าอยู่หัวทั้งหมด ๕  เรื่อง คือ

๑. ป่า ๓  อย่าง ประโยชน์ ๔ อย่าง ได้แก่ ป่าพออยู่   พอกิน  พอพลังงาน  และพอร่มเย็น

๒. การใช้หญ้าแฝกป้องกันการพังทลายของดิน

๓. ป่าเปียกกันไฟ

๔. ฝายชะลอความชุ่มชื้น

๕.การปลูกป่าในใจคน

๒. ภาคกลาง  แสดงแนวคิดเกี่ยวกับเกษตรทฤษฎีใหม่   การแบ่งพื้นที่ทำการเกษตรออกเป็น   ๔   ส่วนคือ  พื้นที่น้ำ   พื้นที่ผักและผลไม้   พื้นที่ทำนาข้าว   พื้นที่อยู่อาศัย

๓. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   แสดงแนวคิดเกี่ยวกับเมื่อเกษตรกรประสบภาวะฝนแล้ง พระองค์มอบแนวทางให้เกษตรกรสามารถที่จะมีรายได้จากอาชีพเสริมทดแทน   เช่น    ธนาคารข้าว    ปศุสัตว์  การเลี้ยงปลา   เพาะเห็ด  ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนและการแปรรูปต่างๆ   การทำปุ๋ย  เป็นต้น

๔. ภาคใต้  แสดงแนวคิดการป้องกันหรือบรรเทาความเดือดร้อน จากน้ำท่วมที่พระองค์เรียกว่า ทฤษฎีแก้มลิง   การแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว  ที่เรียกว่า  ทฤษฎีแกล้งดิน  การทำน้ำมันไบโอดีเซล  การเผาถ่านจากเศษไม้

–  ในแหล่งน้ำ  แสดงแนวคิดเกี่ยวการบำบัดน้ำเสีย    โดยใช้กังหันน้ำชัยพัฒนา   ทฤษฎีการใช้พืชน้ำบำบัดน้ำเสีย ที่พระองค์ใช้แก้ไขน้ำเสีย  ณ บึงมักกะสัน  กรุงเทพมหานคร  ที่เรียกว่า อธรรม ปราบอธรรม ให้เป็นธรรมะ

– การบำบัดของเสียที่ออกจากตัวคน คือ ปัสสาวะ  อุจจาระ  ที่พระองค์มอบแนวคิดนี้ให้แก่จังหวัดนนทบุรี  ในปี พ.ศ. ๒๕๒๒  โดยการไปบำบัดในถัง ๑๕ วัน หมดกลิ่น  ๒๘ วัน หมดเชื้อโรค แล้วนำมาทำปุ๋ย
 

นอกจากนี้ทางสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยยังไช้หลักการเรียนรู้   PLAY บวก  LEARN  เท่ากับ  PLERN  เพื่อให้คนที่มาเรียนรู้ได้สนุกกับการเรียนรู้ เช่น เส้นทางเครื่องแกง   สมุนไพรรูปคน   น้ำแดดเดียว   ปัจจุบันศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ  อยู่ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิชัยพัฒนา  และเปิดเป็นสถานที่อบรมหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงร่วมกับมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ  ผู้ที่สนใจมาเรียนรู้ทั้งการศึกษาดูงาน และอบรมได้ที่ โทรศัพท์ หมายเลข ๐๓๗ – ๓๘๔๐๔๙

 

>ถัดไป